บทที่ 1 แนวคิดและความหมายเกี่ยวกับการจัดการทางธุรกิจ


ความหมายของความรู้ของอาจารย์แต่ละท่าน
1. Ikujiro Nonaka
ได้ให้ความหมายของความรู้ไว้สองประเภทว่า
1. Tacit Knowledge เป็นความรู้ที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคล เกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ หรือพรสวรรค์ต่างๆ ซึ่งสื่อสารหรือถ่ายทอดในรูปแบบของตัวเลข สูตร หรือลายลักษณ์อักษรได้ยาก ความรู้ชนิดนี้พัฒนาและแบ่งปันกันได้ และเป็นความรู้ที่ก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน
2. Explicit Knowledge ความรู้ที่เป็นเหตุเป็นผล สามารถรวบรวมและถ่ายทอดออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น หนังสือ คู่มือ เอกสาร และรายงานต่างๆ ซึ่งทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
2. Hideo Yamazaki
ได้ให้ความหมายของความรู้ไว้ว่า
สารสนเทศที่ผ่านกระบวนการคิดเปรียบเทียบ  เชื่อมโยงกับความรู้อื่นจนเกิดความเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ในการสรุปและตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่จำกัดช่วงเวลา
3. Davenport and Prusak
ได้ให้ความหมายของความรู้ไว้ว่าว่า
ส่วนผสมของกรอบประสบการณ์ คุณค่า สารสนเทศ ที่เป็นสภาพแวดล้อมและกรอบการทำงานสำหรับการประเมินและรวมกันของประสบการณ์และสารสนเทศใหม่
4. Peter Senge
ได้ให้ความหมายจองความรู้ไว้ว่า
                หาไม่เจอ
5. Peter Drucker
ได้ให้ความหมายจองความรู้ไว้ว่า
                หาไม่เจอ
6. อ.ประเวช วะสี
ได้ให้ความหมายจองความรู้ไว้ว่า
ที่จำเป็นมี 4 ประเภทใหญ่ ๆ เรียกว่าปัญญา 4 หรือ จตุรปัญญา คือ ความรู้ธรรมชาติที่ เป็นวัตถุ ( วิทยาศาสตร์กายภาพ ) ความรู้ทางสังคม ( วิทยาศาสตร์สังคม ) ความรู้ทางศาสนา ( วิทยาศาสตร์ข้างใน ) และความรู้เรื่องการจัดการซึ่งปัญญาที่เกิดจากความรู้ชนิดใดชนิดหนึ่งไม่เป็นการเพียงพอที่จะ ทำให้เกิดดุลยภาพในสังคมเราจำเป็นต้องมีปัญญาอย่างบูราณาการ การศึกษาและการวิจัยจำเป็นต้องคำนึงถึงปัญหาทุกด้านมิใช่ให้เรียนรู้เป็นส่วน ๆ เพราะความรู้แบบแยกส่วนจะนำไปสู่การกระทำแบบแยกส่วนทำให้เกิดการเสียดุลยภาพและเกิดวิกฤติการณ์ขึ้น การศึกษาเรียนรู้จำเป็นต้องให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบเชื่อมโยงเนื่องจาก
ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นโลกแห่งการเชื่อมโยงเป็นองค์รวม การจัดการเรียนรู้ควรจะไปให้ถึง 3 ระดับ คือ 1.) ระดับที่เกิดความรู้ ซึ้งหมายถึงการรู้ความจริง การที่บุคคลจะทำอะไรให้สำเร็จได้บุคคลนั้นต้องรู้และใช้ความจริง ความรู้ต้องเป็นความจริงเพราะการใช้ความจริงทำให้ทำได้ถูกต้อง การให้ผู้เรียนสัมผัสความจริงเท่ากับ เป็นการให้ผู้เรียนมีความรู้ระดับเบื้องต้น 2.) ระดับที่เกิดปัญญา เป็นระดับที่ผู้เรียนสามารถบูรณาการหรือเชื่อมโยงความรู้ใน 4 ด้านดังกล่าวข้างต้นและนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต 3.) ระดับที่เกิดจิตสำนึก คือ การเกิดความเข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ และเข้าใจตัวเองว่าสัมพันธ์กับสรรพสิ่งอย่างไร ประเวศ วะสีท่านได้กล่าวต่อไปว่า จริยธรรมจะเกิดแก่บุคคลต่อเมื่อบุคคลนั้นได้บรรลุการเรียนรู้ทั้ง 3 ระดับดังกล่าวจึงควรมีการปฎิรูปการเรียนให้มาเน้นการสัมผัส ความจริงการคิดและการจัดการให้มากขึ้นทุกระดับ
7.อ.วิจารณ์  พานิช
ได้ให้ความหมายจองความรู้ไว้ว่าหาไม่เจอ
 8. อ.ประพนธ์ ผาสุกยืด
ได้ให้ความหมายจองความรู้ไว้ว่า
โมเดลปลาประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนตัว และส่วนหาง
ส่วนหัวปลา เรียกว่า KV ย่อมาจาก Knowledge Vision หมายถึงส่วนที่เป็นวิสัยทัศน์ หรือเป็นทิศทางของการจัดการความรู้ กล่าวคือ ส่วนหัวจะทำหน้าที่มองว่ากำลังจะไปทางไหนต้องตอบได้ว่า "ทำ KM ไปเพื่ออะไร"
ส่วนตัวปลา เรียกว่า KS ย่อมาจาก Knowledge Sharing หมายถึงส่วนที่เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจ และเป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุดในกระบวนการทำ KM เพราะต้องเกิดจากปัจจัย และสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้คนพร้อมที่จะแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกัน
ส่วนหางปลา เรียกว่า KA ย่อมาจาก Knoeledge Assets หมายถึงส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้ที่เก็บสะสมไว้เป็น "คลังความรู้" หรือ "ขุมความรู้"       
สรุป
ความรู้คืออะไร
บางคนบอกการที่เราเรียนจบปริญญาตรี โท เอก ไงคือ คนมีความรู้ ถ้าฉะนั้นให้คนจบตรีโทเอก ไปเดินป่าโดยไม่หลงทางได้หรือไม่  เพราะเช่นนั้น ความรู้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะห้องเรียน แต่ความรู้นั้นเกิดขึ้นรอบๆตัวเรา จากการเรียน การค้นคว้า ความคุ้นเคย ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ เป็นต้น จากเรื่องรอบๆตัวเพราะฉะนั้นความรู้ให้ความคิดของผมคือการใช้ชีวิตของแต่ละคนที่ผ่านกระบวนการกลั่นกรองสาระที่สามารถศึกษาต่อได้นั่นคือความหมายของคำว่า“ความรู้”ของผม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บท 6 ความรู้เกี่ยวกับสุนัขพันธ์ อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)

บทที่2 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการความรู้

บทที่5วัฏจักร(วงจรชีวิต)การพัฒนาระบบการจัดการความรู้